เจลล้างมือหรือผลิตภัณฑ์ ทำความสะอาดมือแบบไม่ต้องล้างน้ำออก มีทั้งชนิดเจล ของเหลว และสเปรย์ จัดเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางควบคุม มีส่วนประกอบสำคัญคือ แอลกอฮอล์ (alcohol) ในปริมาณน้อยกว่าร้อยละ 70 อาจมีสารฆ่าเชื้อ เช่น ไตรโคลซาน, สารที่ทำให้เกิดสภาพเจล (gelling agent) เช่น carbomer สารให้ความชุ่มชื้นลดการแห้งของผิว (emollients) เช่น ว่านหางจระเข้ (Aloe vera), tea tree oil และกลีเซอรอล, สีและน้ำหอมเป็นส่วนผสม หากผลิตภัณฑ์มีปริมาณแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไป และใช้กับผิวหนังมนุษย์ จะจัดเป็นยา เช่น แอลกอฮอล์ล้างแผล
เจลล้างมือเป็นผลิตภัณฑ์ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถพกพาไปใช้ได้สะดวก ทดแทนการล้างมือ ด้วยน้ำและสบู่ ลดการน้าเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายจากการสัมผัส โดยเฉพาะในช่วงน้ำท่วมใหญ่ปลายปี พ.ศ. 2554 และเมื่อมีการระบาดของโรคติดเชื้อ เช่น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009, โรคมือเท้าปากเปื่อย เป็นต้น ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ยังไม่มีเกณฑ์ควบคุมคุณภาพด้านประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เจลล้างมือที่วางจ้าหน่ายทั่วไปในท้องตลาด แต่หากผลิตภัณฑ์ไม่มีประสิทธิภาพในการลดเชื้อได้จริงแล้ว เมื่อน้ามาใช้อาจท้าให้เกิดการแพร่กระจายของโรคได้อีกด้วย
สมบัติทางกายภาพและการออกฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
โดยทั่วไป แอลกอฮอล์ที่นิยมใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเจลล้างมือ คือ เอทานอล (ethanol หรือ ethyl alcohol) เป็นของเหลวใสไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และสามารถระเหย ได้ดี แต่มีแอลกอฮอล์อีกชนิด นั่นคือ เมทานอล (methanol หรือ methyl alcohol ) ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ที่มีพิษ ห้ามใช้กับร่างกาย ใช้ในสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ใช้เป็นเชื้อเพลิงจุดให้แสงสว่าง หรือปนกับทินเนอร์ สำหรับผสมแลคเกอร์ เมทานอลสามารถดูดซึมได้ทางผิวหนัง ลมหายใจ หากสูดดมเข้าไปในปริมาณมากจะท้าให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ หลอดลมอักเสบ หลอดคออักเสบ กรณีที่มีการระคายเคืองต่อเยื่อบุตาอาจส่งผลท้าให้เยื่อบุตาอักเสบ หากสูดดมเข้าไปมากๆจะท้าให้เกิด การปวดท้อง เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน กล้ามเนื้อกระตุก หายใจล้าบาก การมองเห็นจะผิดปกติจนอาจท้าให้ตาบอดได้
การออกฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะไปยับยั้งการเจริญของเซลล์แบคทีเรียหลากหลายชนิด รวมถึง ไวรัส และเชื้อรา จึงนิยมใช้ในการฆ่าเชื้อผิวหนังและพื้นผิวทั่วไป แอลกอฮอล์เป็นสารที่ท้าให้เกิดการคายน้ำ (strong dehydrating agent) ออกจากเซลล์ แล้วดูดซึมแอลกอฮอล์เข้าไปท้าให้เซลล์เมมเบรนถูกท้าลายและโปรตีนเปลี่ยนสภาพอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องไปรบกวนเมตาบอลิซึมและท้าให้เซลล์ถูกท้าลายในที่สุด
โดยนิยมใช้สารละลายแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้น 70% เนื่องจากระเหยไม่เร็วเกินไปและมีปริมาณน้ำเพียงพอที่จุลินทรีย์จะดูดซึม และออกฤทธิ์ท้าลายเซลล์ ขณะที่แอลกอฮอล์ 95% - 100% จะมีการระเหยรวดเร็วมากและมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอที่จะดูดซึมเข้าไปในเซลล์เมมเบรน แต่จะท้าให้เกิดการคายน้ำ ออกจากเซลล์อย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ฆ่า และเมื่ออยู่ในสภาวะเหมาะสม จุลินทรีย์เหล่านี้ได้รับน้ำเข้าเซลล์ จะสามารถคงสภาพเดิมได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า 50% จะมีประสิทธิภาพในการท้าลายจุลินทรีย์ลดน้อยลงมาก
การควบคุมตามกฎหมาย
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สนับสนุนให้กลุ่มแม่บ้านโอทอป รวมทั้งผู้ผลิตทั้งรายย่อยและรายใหญ่ผลิต ผลิตภัณฑ์ เจลล้างมือออกมาจ้าหน่ายในท้องตลาดมากขึ้น โดยก่อนผลิตหรือน้าเข้า ให้ผู้ผลิตหรือผู้น้าเข้าเจลล้างมือจดแจ้งกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือสาธารณสุขจังหวัดได้
เนื่องจากเครื่องสำอางทุกชนิดจัดเป็นเครื่องสำอางควบคุมตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2551 กำหนดให้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 ผู้ประกอบการผลิตหรือน้าเข้าจะต้องมาจดแจ้งกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หากผ่านการตรวจสอบเอกสารว่าส่วนประกอบในสูตรตำรับเป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับต่างๆ คือ ไม่มีสารห้ามใช้หรือหากมีสารที่ควบคุมปริมาณการใช้ไม่เกินตามที่กฎหมายกำหนด ผลิตภัณฑ์นั้นก็จะได้ เลขที่รับแจ้ง ซึ่งจะต้องแสดง เลขที่รับแจ้งไว้ที่ฉลากของเครื่องสำอางด้วย และต้องจัดท้าฉลากภาษาไทยมีข้อความตามที่กฎหมายกำหนดอย่างครบถ้วน ได้แก่ ชื่อและประเภทผลิตภัณฑ์สารที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีใช้ ชื่อ และที่ตั้งแหล่งผลิต เดือนปีที่ผลิต ปริมาณสุทธิ ค้าเตือน และเลขที่รับแจ้ง ในส่วนการแสดงสรรพคุณที่ฉลากหรือโฆษณานั้นสามารถกล่าวอ้างความสะอาดในชีวิตประจ้าวัน ในปัจจุบัน กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ยังไม่มีเกณฑ์ควบคุมคุณภาพด้านประสิทธิภาพการฆ่า/ ลดเชื้อโรคของผลิตภัณฑ์ เจลล้างมือที่วางจ้าหน่ายทั่วไปในท้องตลาด
การคุ้มครองผู้บริโภค
เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับผลิตภัณฑ์เจลล้างมือที่มีประสิทธิภาพ สำนักเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้พัฒนาวิธีทดสอบประสิทธิภาพของเจลล้างมือในการลดปริมาณเชื้อปนเปื้อน โดยให้ผลิตภัณฑ์เจลล้างมือสัมผัสกับเชื้อ เป็นเวลา 1 นาที อ้างอิงตามวิธีมาตรฐาน BSEN 1276: 2009 ทดสอบกับเชื้อมาตรฐาน 4 ชนิด ได้แก่ Staphylococcus aureus ATCC 6538, Escherichia coli ATCC 10536, Enterococcus hirae ATCC 10541 และ Pseudomonas aeruginosa ATCC 15442 และใช้วิธีที่พัฒนาขึ้นนี้ ทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เจลล้างมือที่วางจ้าหน่ายในท้องตลาดจ้านวน 26 ตัวอย่าง พบว่า มีตัวอย่างที่ไม่ผ่านเกณฑ์ 8 ตัวอย่าง (ร้อยละ 30.8) ผลจากการศึกษานี้เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดมาตรฐานของประเทศไทยในด้านคุณภาพการลดเชื้อของผลิตภัณฑ์ เจลล้างมือ เป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และช่วยในการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์เจลล้างมือต่อไป
การใช้ผลิตภัณฑ์เจลล้างมือ
1. หากใช้เป็นครั้งแรกควรทดสอบการแพ้ก่อน โดยการทาผลิตภัณฑ์ปริมาณเล็กน้อยที่บริเวณท้องแขนและทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง สังเกตความผิดปกติ ได้แก่ ผื่นแดง ปวดแสบปวดร้อน บวม
2. เทผลิตภัณฑ์เจลล้างมือ 2-3 มิลลิลิตร ใส่ลงในฝ่ามือ ถูให้ทั่วทั้งสองมือเป็นเวลาประมาณ 20 วินาที และปล่อยให้แห้งในอากาศ
3. ควรเก็บผลิตภัณฑ์เจลล้างมือในภาชนะปิดสนิท ในบริเวณที่ไม่ถูกแสงแดด หรือบริเวณที่ร้อน เพราะจะท้าให้แอลกอฮอล์ระเหย และความเข้มข้นของแอลกอฮอล์อาจลดลงได้
ข้อควรระวัง
1. เจลล้างมือ มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ในปริมาณมาก สามารถติดไฟไดหากทามือแล้ว ยังไม่แห้ง ควรหลีกเลี่ยงเปลวไฟ โดยเฉพาะ ผู้สูบบุหรี่ ควรระวังเป็นพิเศษ
2. ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์เจลล้างมือกับเด็กทารก และบริเวณผิวบอบบาง เช่น รอบดวงตา และบริเวณที่ผิวอักเสบ มีสิว มีบาดแผล หากสัมผัสแอลกอฮอล์บ่อยๆ อาจท้าให้เกิด การระคายเคือง และผิวหยาบกระด้าง
ที่มา: ผลิตภัณฑ์เจลล้างมือ. สำนักควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข.